วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วันเบาหวานโลก 14 พฤศจิกายน 2558



14 พฤศจิกายน  ของทุกปี เป็น วันเบาหวานโลก น่าตกใจในอีกไม่กี่ปีประเทศไทยจะมีคนเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เรามาเรียนรู้ความจริงของโลกเบาหวานร่วมกัน เบาหวานแบ่งเป็น

 เบาหวานชนิดที่ 1 คืออะไร: เบาหวานชนิดที่ 1 คือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปรกติ (ค่าปรกติ 70-110 มก./ดล.)เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินสุลินได้เนื่องจากกลุ่มเซลเบต้าถูกทำลายโดยภูมิคุ้มของตัวเองที่ไวเกินไป  ปัจจัยอะไรที่ทำให้บางคนมีภูมิคุ้มกันไวจนต่อต้านเซลเบต้าของตนเองยังไม่มีใครทราบแน่  หลักฐานที่บ่งชี้ว่าไวรัสบางตัวชนิดสามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิต่อต้านเซลเบต้าได้  ยกตัวอย่างเช่นเชื้อหัด เป็นต้น สมมุติฐานอันอื่นเชื่อว่าโปรตีนในอาหารบางชนิด  หรือการขาดวิตมินดี เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคเบาหวานชนิด 1 เป็นโชคดีของชาวไทยและภูมิภาคเอเชียที่พบว่า  ความชุกของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 น้อยกว่าฝรั่งมาก  คำว่าเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นข้อตกลงเพื่อให้ไม่เกิดความสับสนเนื่องจากเบาหวานเกิดได้จากหลายกลไก  เนื่องจากในประวัติศาสตร์การแพทย์  เรารู้จักโรคเบาหวานที่เกิดจากภูมิคุ้มกันก่อนโดยมักเกิดขึ้นในเด็ก  องค์การอนามัยโลกจึงบัญญัติให้เข้าใจตรงกันทั่วโลกว่า ถ้าผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลสูงกว่าปรกติ  โดยไม่ระดับอินสุลินในเลือดเลย (สามารถวัดระดับอินสุลินได้โดยตรง หรือวัดทางอ้อมโดยวัดระดับ C-peptide หรือเคยเกิดภาวะเป็นกรด ketoacidosis) แต่เซลส่วนอื่นของตับอ่อนได้แก่เซลอัลฟ่า เซลผลิตน้ำย่อยอาหารปรกติดี  ให้เรียกเบาหวานแบบนี้ว่าเบาหวานชนิดที่ 1 เขียนง่ายๆ ว่า DM1
เบาหวานชนิดที่ 2 คืออะไร: คือภาวะร่างกายเราระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าเกณฑ์ 126 มก./ดล.อันเนื่องมาจากร่างกายสามารถอินสุลินได้ปรกติ หรือมากกว่าปรกติด้วยซ้ำ  แต่อินสุลินที่มีไม่สามารถออกฤทธิ์นำน้ำตาลเข้าไปในเซลได้  หรือถ้ามีน้ำตาลบางส่วนเข้าไปในเซลได้  อินสุลินก็ไม่สามารถทำให้เกิดการเผาผลาญเพื่อเกิดเป็นพลังงานได้ตามปรกติ
เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากอะไร: เกิดจากกลไกดังนี้  สามารถเปรียบเทียบง่ายๆ ด้วยภาพประกอบง่ายๆ จาก Diabetes UK ตามที่ได้กล่าวไปแล้วในหน้ารู้จักโรคเบาหวาน  ถ้าเปรียบอินสุลินเหมือนลูกกุญแจ  ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ก็คือผู้ที่มีลูกกุญแจแต่กุญแจลูกนั้นไขกลอนประตูไม่ได้นั่นเอง
เบาหวานมีอะไรอีกมาก สนใจข้อมูลเพิ่มเติม >> สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย <<

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น